Cloud Gaming คืออะไร ดียังไงสำหรับคนเล่นเกมในปัจจุบัน?
ในหลายๆปีที่ผ่านมา เราได้เล่นเกมเวลาที่อยู่ที่บ้าน และเมื่อมีธุระด่วนที่ต้องออกไป หรือ หากเป็นเด็ก แม่บอกให้หยุดเล่นเกม ก็จะต้องปิดเกม และหากไม่ได้ save หรือ เซฟไม่ได้ จะต้องมาเล่นใหม่ทั้งหมด
แต่ถ้าเราลองมานึกดูว่า ถ้าเราสามารถเล่นเกมได้จากเครื่องอะไรก็ได้ที่ เช่นบนคอม บน Console ต่างๆ ด้วยเน็ตที่แรง และสามารถเล่นต่อเนื่องได้เลย แม้ต้องปิดเกม ณ เวลานั้น ก็สามารถมาเล่นต่อจากที่ค้างไว้ได้ และนี่คือสิ่งที่เรียกว่า Cloud Gaming
อันที่จริงแล้วเทคโนโลยีเกี่ยวกับ Cloud Gaming ถูกนำเอามาใช้ตั้งแต่ปี 2003 แต่ด้วยขีดจำกัดของความเร็วอินเตอร์เน็ตในยุคนั้น ทำให้มันเป็นไปได้ยาก แต่ในปัจจุบันที่เรามีเน็ตความสูง และหากเป็นบนมือถือก็มีให้ใช้ถึง 5G แล้ว ในปี 2022 มีคนมากถึง 31.7 ล้านคน ที่จ่ายค่าสมาชิกใน Cloud Gaming ด้วยรายได้มากถึง 2 พันกว่าล้านดอลล่าร์สหรัฐ (อ้างอิง Newzoo) และตัวเลขนี้จะก้าวกระโดดไปถึง 8 พันกว่าล้านในปี 2025 ที่กำลังจะถึงนี้
ยังนึกไม่ออก Cloud Gaming คืออะไรกันแน่?
Cloud Based Gaming ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนเราดู Netflix ที่บ้านผ่านทีวี และต้องหยุดไว้ก่อน และมาดูอีกทีบนมือถือ (แต่ต้อง login ด้วยบัญชีเดียวกัน) เราก็จะมาดูต่อที่ค้างเอาไว้ได้
หรือการดู Youtube โดยการใช้ Gmail Account เดียวกัน หากเราดูบน PC แล้วมาดูบนมือถือต่อ ก็จะเป็นการดูต่อจากที่ค้างเอาไว้ และนั่นก็คือ คอนเซปง่ายๆ ของ Cloud Based Gaming
หลักการง่ายๆของ Cloud Gaming
หลักการทำงานของมันก็คือ แทนที่จะดาวน์โหลดเกมลงมาเล่นบนเครื่อง Console อย่าง PS5, Xbox, PC, หรือมือถือ เราจะเล่นเกมนั้นๆผ่าน Server ของผู้ให้บริการไปเลย โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม ให้นึกถึงตอนดู Netflix, Viu, HBO Go, Disney+ คนดูก็ไม่ได้ดาวน์โหลดหนังออกมาลงบนเครื่องเพื่อดู แต่เป็นการดูแบบ Streaming online
ข้อดีของมันก็คือ ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดอะไรมาให้รกบนเครื่อง และไม่ต้องเปลืองพื้นที่ในคอม หรือในเครื่องมือถือ เครื่องเกม และไม่ต้องการอุปกรณ์เพิ่มเติมใดๆ ไม่ต้องซื้อตัวเชื่อมต่อมา แค่มีเครื่องกับอินเตอร์เน็ตแรงๆ เท่านั้น
แต่หากมาพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสียแล้วหล่ะก็ การเล่นเกมบน Cloud Gaming ใช้เน็ตค่อนข้างมาก โดยจะใช้เน็ตจำนวนมหาศาล ซึ่งอาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องเติมเน็ตแบบ Prepaid หรือคนที่ไม่มี Wifi และเรามีข้อมูลจำนวน Data Usage ที่ใช้ในแต่ละชั่วโมงดังนี้
ความละเอียดภาพและ Frame Rate | การใช้ Data ใน 1 ชั่วโมง |
---|---|
720p @ 30 fps | 1-2 GB |
1080p @ 30 fps | 4-5 GB |
1080p @ 60 fps | 6-8 GB |
4K @ 60 fps | 15-20 GB |
อ้างอิงข้อมูลจาก cloudbase.gg พบว่า การเล่นเกมแบบ Cloud Based Gaming จะใช้ Data มากถึง 20GB ต่อชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความละเอียดของภาพด้วย ซึ่งหากเป็นเกมมือถือที่มี ความละเอียดภาพสูง และมี Frame Rate Per Second สูง ก็อาจจะต้องเติมเน็ตกันบ่อยหน่อย แต่ถ้าหากเล่นผ่าน Wifi ก็ไม่ได้น่าจะมีปัญหาใดๆ
อ่านต่อ : เบอร์เติมเงิน เล่นเกมมือถือ ต้องใช้เน็ตเท่าไหร่ต่อเดือน?
และสำหรับค่ายที่มี cloud gaming ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่:
- Xbox ในราคา ประมาณ $15 ต่อเดือน หรือราวๆ 500 บาท
- Playstation Plus Premium ในราคา $17.99 ไปจนถึง $119.99 ซึ่งเป็นราคาต่อเดือน ต่อ 3 เดือน และ ต่อ 1 ปี โดยคนที่ซื้อในประเทศไทยอาจใช้ Playstation Credit ในการจ่ายแบบง่ายๆได้เช่นเดียวกันกับการตัดบัตรเครดิต
- Luna จาก Amazon ซึ่งยังไม่ได้รับความนิยมในไทยมากนัก
- GeForce Now ก็ยังไม่ค่อยดังในไทยเช่นเดียวกัน
ในปัจจุบัน Cloud Gaming เริ่มได้รับความนิยมในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นตลาดแบบค่อยๆโต เนื่องจากตลาด Mobile Gaming ที่เล่นกันเป็น match ยังคงได้รับความนิยมมากกว่า และเข้าถึงได้มากกว่า เช่นเกม ฟีฟาย หรือ pubg mobile เนื่องจากการสมัคร Cloud Gaming ยังคงเป็นอะไรที่ไม่ได้เปิดสำหรับคนทั่วไป และมักจะได้เฉพาะสำหรับคนที่มีบัตรเครดิตเท่านั้น