Final Fantasy 7 Rebirth เผยสเปค PC อย่างเป็นทางการ ระดับ 4K

0
32

Square Enix ได้เผยข้อมูลสเปค PC สำหรับการเล่น Final Fantasy 7 Rebirth ก่อนเกมเปิดตัววันที่ 23 มกราคม นี้ โดยสเปคที่ต้องการมีตั้งแต่ขั้นต่ำ สเปคแนะนำ ไปจนถึงระดับ 4K Ultra ซึ่งเรียกได้ว่าโหดใช้ได้สำหรับใครที่อยากเล่นเกมนี้แบบภาพคมชัดสุด ๆ

สิ่งที่น่าสนใจคือเกมนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ล้ำ ๆ บนเวอร์ชัน PC เช่น DLSS (Deep Learning Super Sampling) ที่ช่วยยกระดับคุณภาพกราฟิกและประสิทธิภาพการเล่น และยังต้องการการ์ดจอที่รองรับ ShaderModel 6.6 และระบบ DirectX 12 Ultimate เพื่อความสมจริงของแสง เงา และพื้นผิว

เสปค PC สำหรับการเล่น Final Fantasy 7 Rebirth 

Final Fantasy 7 Rebirth – สเปค PC
Preset Minimum (ขั้นต่ำ) Recommended (แนะนำ) Ultra (สูงสุด)
Graphic Setting 30 FPS / 1080p / คุณภาพ “Low” 60 FPS / 1080p / คุณภาพ “Medium” 60 FPS / 4K / คุณภาพ “High”
ระบบปฏิบัติการ (OS) Windows 10 64-bit Windows 11 64-bit Windows 11 64-bit
CPU AMD Ryzen 5 1400 / Intel Core i3-8100 AMD Ryzen 5 5600 / Intel Core i7-8700 AMD Ryzen 7 5700X / Intel Core i7-10700
การ์ดจอ (GPU) AMD Radeon RX 6600 / Nvidia GeForce RTX 2060 AMD Radeon RX 6700 XT / Nvidia GeForce RTX 2070 AMD Radeon RX 7900 XTX / Nvidia GeForce RTX 4080
หน่วยความจำ (RAM) 16 GB 16 GB 16 GB
พื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Storage) SSD 155 GB SSD 155 GB SSD 155 GB

อ้างอิง Gamespot.com

แม้ทาง Square Enix ยืนยันว่าเวอร์ชัน PC จะมาพร้อมกับภาพและแสงเงาที่ปรับปรุงใหม่ แต่ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรองรับ Steam Deck และยังไม่มีแผนปล่อย DLC สำหรับภาคนี้ เนื่องจากทีมงานกำลังโฟกัสกับการพัฒนา Final Fantasy 7 Remake Part 3 อย่างเต็มที่

ฟีเจอร์เด่นในเวอร์ชัน PC:

  1. DLSS Upscaling: ช่วยเพิ่มความลื่นไหลของภาพในขณะที่ยังคงความละเอียดสูง
  2. ShaderModel 6.6 และ DirectX 12 Ultimate: รองรับกราฟิกที่สมจริง ทั้งแสง เงา และเท็กซ์เจอร์ที่คมชัดยิ่งขึ้น
  3. รองรับภาพระดับ 4K: สำหรับผู้ที่ใช้หน้าจอ 4K ระบบแนะนำให้ใช้การ์ดจอที่มี VRAM 12GB – 16GB ขึ้นไป เพื่อให้ภาพสวยลื่นไม่มีสะดุด

แตกต่างจากเวอร์ชัน PS5 ยังไง?

ถึงแม้ว่าเกมนี้จะเคยออกบน PS5 มาก่อน แต่ Square Enix ระบุว่าเวอร์ชัน PC จะมีการปรับปรุงระบบแสง เงา และพื้นผิวกราฟิกให้มีคุณภาพสูงกว่าที่มีในเวอร์ชันคอนโซล และยังมีการออก แพตช์อัปเกรดสำหรับ PS5 Pro ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เกมนี้ จะไม่มี DLC เหมือนกับที่เคยมีในภาค Final Fantasy 7 Remake: Episode INTERmission เพราะทีมพัฒนากำลังมุ่งหน้าไปที่การสร้างภาคต่ออย่าง Final Fantasy 7 Remake Part 3 อย่างเต็มกำลัง