Seven Knights Rebirth จัดทีม แบบไหนดีให้ดูโปร? + วิธีฟาร์มรูบี้

September 24, 2025

14

ช่วงนี้คนหา Seven Knights ReBirth จัดทีม กันมากขึ้น เนื่องจากหลายคนเริ่มรู้แล้วว่าเกมนี้เป็นเกมที่อาศัยการจัดบทบาททีมและลำดับการเดินเกมสูงมาก เพราะมีความต่างระหว่างทีมที่วางแผนดี กับทีมที่อัปตัวแรงแต่ไร้ซินเนอร์จี้ มักจะเห็นผลในเรื่องความ ความเสถียร, ความเร็วเคลียร์, และ ต้นทุนทรัพยากร ซินเนอร์จี้สกิล/บัฟ-ดีบัฟ คอมโบอย่าง ลดเกราะ → ดาเมจระเบิด หรือ โซ่คุมฝูงชน → ดาเมจต่อเนื่อง (DoT) ทำให้ DPS “คุ้มค่า” กว่าการยัดแต่ตัวโจมตี

ตัวอย่างการ จัดทีม Seven Knights Rebirth แบบมืออาชีพ

ชื่อทีม / โหมดหลัก	คอร์ตัวละคร (บทบาท)	กลยุทธ์การเล่น	จุดเด่น	ตัวแก้ทาง/ข้อควรระวัง
Balanced Core Early–Mid PvE	Tank/Frontliner ×1 Main DPS (Burst) ×1 Sub DPS (DoT/Breaker) ×1 Healer/ cleanser ×1 Buffer/Debuffer ×1	เปิดด้วยดีบัฟหลัก (ลด DEF/Resist) → DPS ระเบิด → ซัพพอร์ตคุมเลือด/ล้างสถานะให้ไฟต์นิ่ง	เซ็ตอัพง่าย เสถียร ใช้ผ่านสตอรี่/ฟาร์มทรัพยากร	ดาเมจระเบิดไม่สุดในช่วงเวลาจำกัด อาจช้ากับบอสเวลาถูกบัฟเกราะ
Boss Breaker Raid/Boss	Breaker/Armor shredder ×1 Main DPS (Single Target) ×1–2 Sustain (Healer/Shield) ×1 Buffer (ATK/CRIT/Speed) ×1	ใส่ดีบัฟทะลุเกราะ/ต้านทาน → ปั๊มบัฟโจมตีและคริติคอล → ยิงบอสให้จบในวินโดว์บัฟ	DPS ต่อนาทีสูง, ทำสถิติดีในเรด/ภารกิจเวลา	เปลืองตำรับ/รูน, ต้อง “จูนสปีด” ให้บัฟ–ดีบัฟทับกันพอดี
Control Burst Arena/PvP	Control (Stun/Fear/Silence) ×1–2 Cleanser/Immunity ×1 Burst DPS ×1–2 Flex (Anti-revive/Anti-shield) ×1	คุมเทิร์นฝ่ายตรงข้าม → ป้องกันการสวนด้วย Immunity/ cleanse → ปิดเกมด้วย Burst ในหน้าต่างคุม	ชนะด้วย “จังหวะ” แม้พลังรวมไม่สูงกว่า	แพ้ทีมเร็วมาก/ทีมกันคุม (Immunity/CC resist สูง)
Speed Farm ดันรายวัน/สตอรี่	AoE DPS ×2–3 Buffer Speed/ATK ×1 Utility (ล้างดีบัฟ/โล่) ×1	AoE เคลียร์เวฟ 1–2 สกิล จัดลำดับให้บัฟมาก่อน AoE หลัก	เวลาต่อรอบสั้น เหมาะออโต้ฟาร์ม	บอสเลือดหนา/ต้านทานสูงจะยื้อเวลา ต้องสลับเป็นทีม Boss Breaker
เป็น “โครงสร้างทีม” ให้ปรับแทนชื่อฮีโร่ตามกลุ่มที่มี (บทบาทสำคัญ > รายชื่อเฉพาะ) — เน้นจับคู่ ดีบัฟหลัก* กับ DPS ที่ใช้ประโยชน์ มากที่สุด

หลักเหตุผลที่ใช้ในการจัด

ประการแรกเลยคือต้องมี ตัวเปิดจังหวะเสมอ สำหรับการ debuff และ คุมเกมให้อยู่ ต่อมาคือ ต้องมีตัว Cleanse Immunity อย่างน้อย 1 ช่องสำหรับเจอของยาก และควรควบคู่ไปกับการจูน Speed ให้บัฟมาก่อน DPS หลังจากนั้นก็ต้องเลือก Set/รูน เพื่อ Support Character นั้นๆด้วย (เช่น CRIT/ATK สำหรับ Burst, HP/DEF สำหรับ Frontline)

แนะนำการฟาร์ม Ruby ให้คุ้มที่สุด

ในเกมเราจะเห็นว่ามีภารกิจรายวัน รายสัปดาห์ จุดนี้ต้องเคลียร์ครบทุกวันก่อน โดยการใช้ทีม Speed Farm ให้เวลาต่อรอบต่ำสุด รวมถึงการเก็บ หมุด และ เหรียญกิจกรรม ให้ถึงขั้นที่แจก Ruby ได้ โดยต้องเน้นวันที่มี Bonus เยอะๆ

การฟาร์ม Ruby ใน Arena PvP ก็ควรดันแรงค์เท่าที่ทีมคุมไหว รับ Ruby แต่ละอาทิตย์ ดีกว่าพุ่งสั้น ๆ แล้วตกแรงค์ ถ้าอยากได้มากขึ้นให้อัปเกรดเป็น “แพลน” เช่น ปั้นตัวหลัก ปลดเนื้อเรื่อง โหมดใหม่ เพื่อรับ Ruby ก้อนและอย่าลืม เข้ากิลด์แอคทีฟ รับผลตอบแทนรายวัน-รายสัปดาห์ และวัสดุที่ลดค่าใช้จ่ายรวม

Teo Build สำหรับ PvE/PvP

และช่วงนี้มีคนหา Teo Build กันค่อนข้างเยอะ โดยภาพรวมถูกใช้ในบทบาท Burst/Duel DPS ที่เน้น “ปิดศัตรูในหน้าต่างบัฟ” หรือ “กดดันแนวหลัง” (รายละเอียดสกิลอาจต่างตามแพตช์/เซิร์ฟเวอร์) นี่คือกรอบคิดในการอัปของและจัดทีมรอบ ๆ Teo:

Teo Build — PvE Burst

สเตตัส/ออฟชั่นแนะนำ: ATK% → CRIT Rate (ให้พอคม) → CRIT DMG → Speed (แซงบัฟ) → Pen/Ignore DEF ตามคอนเทนต์
ทีมซินเนอร์จี้: Debuffer ลด DEF/Resist ×1, Buffer ATK/CRIT ×1, Sustain บาง ๆ ×1, Flex (Breaker/DoT) ×1
แนวทางเล่น: เปิดดีบัฟหลัก → บัฟโจมตี/คริติคอล → Teo กดสกิลหลักในหน้าต่างบัฟ

Teo Build — PvP Control-Break

สเตตัส/ออฟชั่นแนะนำ: CRIT Rate → ATK/CRIT DMG → Speed (ให้ทันจังหวะเปิด) → Survivability (HP/DEF/Shield) เพื่อกันสวน
ทีมซินเนอร์จี้: Control ×1–2 (Stun/Silence), Cleanse/Immunity ×1, Burst Partner ×1, Flex (Anti-revive/Anti-shield) ×1
แนวทางเล่น: ใช้คุมเกมเปิดจังหวะ → กันโดนล้างด้วย Immunity → Teo ปิดจ๊อบด้วย Burst