ในโลกของ Garena Free Fire ที่ทุกวินาทีมีค่า และทุกกระสุนนำไปสู่ชัยชนะ อาวุธที่เลือกใช้คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คุณอยู่รอดและคว้า Booyah ได้ง่ายขึ้น วันนี้เราจะพาไปรู้จัก 20 อาวุธเด็ด ที่ต้องมีในมือ พร้อมคำแนะนำว่าใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในแต่ละสถานการณ์
ทำความรู้จักอาวุธปืนใน Free Fire มีทั้งหมด 8 ประเภทด้วยกัน
ในเกม Garena Free Fire อาวุธถูกแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ตามลักษณะการใช้งานและบทบาทในเกม โดยอาวุธทั้งหมดสามารถจัดกลุ่มได้เป็น 8 ประเภทหลัก ดังนี้:
1. Assault Rifles (AR)
คุณสมบัติ: ใช้งานได้ดีทั้งระยะกลางและไกล มีความสมดุลระหว่างพลังทำลายและความแม่นยำ
ตัวอย่างอาวุธ:
- M4A1
- AK47
- Groza
- SCAR
- XM8
2. Submachine Guns (SMG)
คุณสมบัติ: ยิงได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับระยะใกล้-กลาง และต่อสู้ในพื้นที่แคบ
ตัวอย่างอาวุธ:
- MP40
- UMP
- VSS
- Thompson
3. Sniper Rifles
คุณสมบัติ: ยิงได้แม่นยำมากในระยะไกล เหมาะสำหรับการซุ่มยิง
ตัวอย่างอาวุธ:
- AWM
- KAR98K
- M82B
4. Shotguns
คุณสมบัติ: มีพลังทำลายสูงในระยะประชิด เหมาะสำหรับการต่อสู้ในพื้นที่จำกัด
ตัวอย่างอาวุธ:
- SPAS12
- M1014
- M1887
5. Light Machine Guns (LMG)
คุณสมบัติ: ยิงได้ต่อเนื่องด้วยแมกกาซีนขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการกดดันศัตรู
ตัวอย่างอาวุธ:
- M249
- Kord
- M60
6. Pistols
คุณสมบัติ: ใช้งานในกรณีฉุกเฉิน เหมาะสำหรับการต่อสู้ระยะใกล้
ตัวอย่างอาวุธ:
- Desert Eagle
- M500
- G18
7. Melee Weapons
คุณสมบัติ: อาวุธประชิดตัว เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้แบบไร้กระสุน
ตัวอย่างอาวุธ:
- Scythe
- Katana
- Pan
8. Launchers
คุณสมบัติ: ใช้โจมตีด้วยระเบิดหรืออาวุธแรงสูง เหมาะสำหรับทำลายศัตรูเป็นกลุ่ม
ตัวอย่างอาวุธ:
- RGS50
- M79
(สามารถกดที่ตัวเลขได้ จะบอกรายละเอียดเพิ่มเติม) สำหรับอาวุธแต่ละประเภทนั้น จะใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ผู้เล่นควรที่จะลองฝึกใช้ใหัครบทุกประเภทเพราะเนื่องจากในเกมนั้นมีการต่อสู้แบบระยะประชิดตัว และระยะไกล และแต่ละสถานการณ์ก็ต้องใช้สกิลแตกต่างกันออกไป
รวมอาวุธ 20 แบบ ที่เซียนๆ ใช้กันมากที่สุด (และยังคงใช้ต่อในปี 2568)
1. M14 – เทพแห่งการยิงระยะไกล
- ความเสียหาย: 71
- ระยะ: 76
- เหมาะกับ: ผู้เล่นที่ชอบวางกลยุทธ์ระยะไกล สามารถใช้เป็นสไนเปอร์ชั่วคราวได้
- จุดเด่น: แมกกาซีนเล็ก แต่ความแม่นยำสูง
2. MP40 – เพื่อนยามยากในระยะประชิด
- ความเสียหาย: 48
- อัตราการยิง: 83
- เหมาะกับ: การต่อสู้ในอาคารและพื้นที่แคบ
- จุดเด่น: ยิงไว เคลื่อนที่เร็ว
3. Groza – ปืน AR ระดับเทพ
- ความเสียหาย: 61
- ระยะ: 77
- เหมาะกับ: สถานการณ์ท้ายเกมที่ต้องการปืนครบเครื่อง
- จุดเด่น: หาได้จาก Airdrop เท่านั้น
4. M1887 – Shotgun ระยะประชิดที่แรงที่สุด
- ความเสียหาย: 100
- เหมาะกับ: ผู้เล่นที่ชอบจบเกมไวในพื้นที่แคบ
- จุดเด่น: ความเสียหายมหาศาล
5. AWM – สไนเปอร์สุดโหด
- ความเสียหาย: 90
- ระยะ: 91
- เหมาะกับ: การเล่นเป็นสไนเปอร์ที่ต้องการความแม่นยำ
- จุดเด่น: ยิงทีเดียวจบ
6. KAR98K – สไนเปอร์สุดคลาสสิก
- ความเสียหาย: 90
- จุดเด่น: มี Scope ติดมาให้พร้อม ใช้ง่าย
7. Treatment Gun – ปืนซัพพอร์ตทีม
- ความเสียหาย: 20
- ฟีเจอร์พิเศษ: รักษาทีมเมตได้จากระยะไกล
8. SPAS12 – Shotgun สุดทรงพลัง
- ความเสียหาย: 97
- เหมาะกับ: การต่อสู้ระยะประชิด
9. M4A1 – ปืนสำหรับมือใหม่
- ความเสียหาย: 29
- จุดเด่น: ใช้ง่าย เหมาะกับทุกระยะ
10. Desert Eagle – ปืนพกดาเมจแรง
- ความเสียหาย: 90
- เหมาะกับ: สถานการณ์ฉุกเฉิน
11. XM8 – AR แบบลูกผสม
- ความเสียหาย: 55
- จุดเด่น: มาพร้อม Scope ติดตัว
12. FAMAS – AR แบบ Burst Fire
- ความเสียหาย: 53
- เหมาะกับ: การยิงระยะกลางถึงไกล
13. UMP – ปืน SMG สำหรับระยะใกล้
- ความเสียหาย: 50
- จุดเด่น: ยิงไว เกราะทะลุได้ดี
14. AN94 – AR ระยะกลาง
- ความเสียหาย: 36
- เหมาะกับ: ผู้เล่นเริ่มต้น
15. Crossbow – ปืนลอบสังหารเงียบ
- ความเสียหาย: 90
- เหมาะกับ: ผู้เล่นสาย Stealth
16. M60 – LMG สำหรับสายบุก
- ความเสียหาย: 56
- จุดเด่น: แมกกาซีนใหญ่ ยิงรัว
17. Kord – LMG ที่ยิงแรง
- ความเสียหาย: 60
- จุดเด่น: ยิงแบบ Shotgun ได้เมื่อหมอบ
18. SCAR – ปืน AR สมดุล
- ความเสียหาย: 53
- จุดเด่น: ใช้ง่ายเหมาะกับทุกสถานการณ์
19. M249 – LMG สำหรับเกมท้าย
- ความเสียหาย: 57
- จุดเด่น: หาได้จาก Airdrop
20. VSS – SMG ระยะไกล
- ความเสียหาย: 54
- จุดเด่น: มาพร้อม 4x Scope และ Silencer
ตารางเปรียบเทียบประเภท และดาเมจของแต่ละตัว
# | ชื่ออาวุธ | ประเภท | ความเสียหาย | จุดเด่น |
---|---|---|---|---|
1 | M14 | Assault Rifle (AR) | 71 | เหมาะสำหรับยิงระยะไกล |
2 | MP40 | Submachine Gun (SMG) | 48 | ยิงไว เคลื่อนที่เร็ว |
3 | Groza | Assault Rifle (AR) | 61 | หาได้จาก Airdrop |
4 | M1887 | Shotgun | 100 | แรงสุดในระยะประชิด |
5 | AWM | Sniper Rifle | 90 | เหมาะกับการยิงระยะไกล |
6 | KAR98K | Sniper Rifle | 90 | มี Scope ติดตัว |
7 | Treatment Gun | Support | 20 | รักษาทีมเมตได้ |
8 | SPAS12 | Shotgun | 97 | เหมาะกับระยะประชิด |
9 | M4A1 | Assault Rifle (AR) | 29 | ใช้ง่าย เหมาะกับมือใหม่ |
10 | Desert Eagle | Pistol | 90 | เหมาะกับสถานการณ์ฉุกเฉิน |
11 | XM8 | Assault Rifle (AR) | 55 | มาพร้อม Scope ติดตัว |
12 | FAMAS | Assault Rifle (AR) | 53 | มี Burst Fire |
13 | UMP | Submachine Gun (SMG) | 50 | ทะลุเกราะได้ดี |
14 | AN94 | Assault Rifle (AR) | 36 | เหมาะกับผู้เริ่มต้น |
15 | Crossbow | Special | 90 | ลอบสังหารเงียบ |
16 | M60 | Light Machine Gun (LMG) | 56 | ยิงรัว แมกกาซีนใหญ่ |
17 | Kord | Light Machine Gun (LMG) | 60 | ยิงแบบ Shotgun เมื่อหมอบ |
18 | SCAR | Assault Rifle (AR) | 53 | เหมาะสำหรับมือใหม่ |
19 | M249 | Light Machine Gun (LMG) | 57 | หาได้จาก Airdrop |
20 | VSS | Submachine Gun (SMG) | 54 | มาพร้อม 4x Scope และ Silencer |
ปกติ โปรเพลเยอร์ เค้าใช้ปืนประเภทไหนกันบ้างนะ?
ในโลกของ Garena Free Fire การเลือกปืนที่เหมาะสมกับสไตล์การเล่นถือเป็นศิลปะ และถ้าถามว่าโปรเพลเยอร์เขาใช้ปืนอะไรกัน บอกเลยว่าไม่ได้มีสูตรตายตัว เพราะมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความถนัดของแต่ละคน แต่ที่เห็นชัด ๆ คือปืนที่เทพ ๆ นิยมใช้กันมักจะเป็นปืนที่ “โหดจัด” และเหมาะกับการพลิกเกม ไม่ว่าจะเป็น Groza ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสมดุลและความแรง เหมาะสำหรับทุกระยะ แถมยังหายากจนหลายคนยกให้เป็น “อัญมณีจาก Airdrop” แต่อย่างไรก็ดี หลายคนบอกว่า AWM เป็นปืนอันดับ 1 เพราะเป็นสไนเปอร์ตัวเทพที่แม่นยำและแรงสุดในระยะไกล ใครที่เล่นสายซุ่มยิงต้องมีติดตัวไว้
ถ้าชอบบู๊ล้างผลาญแบบจู่โจมระยะประชิด MP40 ก็ยังครองตำแหน่งปืนกลเบาที่คนเล่นเก่ง ๆ ชอบใช้ เพราะมันยิงไวและแรงมาก เหมาะกับการเข้าตีในบ้านหรือพื้นที่แคบ แต่ถ้าคุณเป็นสาย “ยิงปังเดียวจอด” M1887 หรือปืนลูกซองในตำนานก็เป็นตัวเลือกที่ห้ามพลาด เพราะมันสามารถจัดการศัตรูได้ในนัดเดียว ถ้าเข้าใกล้ศัตรูเมื่อไหร่ บอกเลยว่าเขาไม่มีโอกาสได้หายใจ
อีกตัวที่ต้องพูดถึงคือ SCAR และ XM8 ซึ่งเป็นปืนที่มีรีคอยล์ต่ำ ยิงง่าย เหมาะกับคนที่ชอบต่อสู้ในระยะกลางหรือไกลแบบชิล ๆ ไม่ต้องปวดหัวกับการควบคุมปืน ส่วนใครที่ชอบเล่นแบบ Tactical หรือซุ่มยิงผสมการลุยระยะกลาง M14 ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ด้วยระยะยิงที่ไกลที่สุดในกลุ่ม Assault Rifle และความแม่นยำที่ทำให้คุณสามารถสอยศัตรูจากระยะไกลได้อย่างมั่นใจ
สำหรับใครที่ชอบเป็น “ฮีลเลอร์” หรือสายช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีม Treatment Gun คือปืนที่ต้องมี มันไม่ได้มีไว้ยิงศัตรูเท่านั้น แต่ยังช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตให้เพื่อนในระยะไกลได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยที่สำคัญในทีมที่เน้นการเล่นกันเป็นทีม
ดังนั้น ถ้าอยากเล่นให้เทพแบบโปรเพลเยอร์ สิ่งสำคัญคือการลองใช้ปืนหลาย ๆ แบบ เพื่อค้นหาว่าตัวไหนเหมาะกับสไตล์ของคุณที่สุด เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นสายบู๊หรือสายซุ่ม การมีปืนคู่ใจที่คุณถนัดจะช่วยเพิ่มโอกาสชนะได้มากขึ้น
อ่านต่อเกี่ยวกับ Free Fire
- Free Fire เติมเพชรง่ายขึ้น จ่ายผ่าน PromptPay บน Google Play ได้แล้ว
- มาดูกัน Free Fire เปิดคลิปแรก Cowboy + Cowgirl หนึ่งใน Booyah Pass