Monday, March 10, 2025
Homeความรู้อัพเดทฟีฟายไม่ได้ ไม่ต้องตกใจ - 7 วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น แบบง่ายๆ

อัพเดทฟีฟายไม่ได้ ไม่ต้องตกใจ – 7 วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น แบบง่ายๆ

ทำไม Free Fire ถึงอัพเดทไม่ได้ ปัญหานี้ถามกันมาทุกปี และหลายกำลังพยายามอัปเดตเกม Free Fire โดยเฉพาะตอนที่ทาง ฟีฟายมีแพทช์ใหม่ๆออกมา แต่พบว่าไม่สามารถอัปเดตได้ อาจเกิดจากปัญหาหลายประการ เช่น เน็ตไม่เสถียร พื้นที่เก็บข้อมูลไม่เพียงพอ หรือมีข้อผิดพลาดของระบบ Google Play Store โดยเราจะมาแนะนำวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น

ตัวอย่าง การอัพเดทฟีฟายไม่ได้จาก Google Play Store

อัพเดทฟีฟายไม่ได้ 7 วิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้นก่อน ไม่ต้องตกใจ 

  1. เน็ตพอมั้ย? หรือ Wifi ไม่แรง

บางทีปัญหาอาจไม่ได้มีอะไรเลย แค่ไปต่อ Wi-Fi ที่ไม่เสถียรเท่านั้น หากใช้ อินเทอร์เน็ตมือถือ ก็ต้องให้แน่ใจว่ามีสัญญาณแรง และ มีแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตเพียงพอ หรือ ลอง เปิด-ปิดโหมดเครื่องบิน แล้วเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตใหม่อีกที และหากรอบนี้อัพเดทได้ก็ถือว่าผ่าน

  1. พื้นที่ในมือถือเต็มหรือยัง?

  • ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ที่เก็บข้อมูล (Storage)
  • หากพื้นที่เหลือน้อยกว่า 1GB อาจทำให้ update ไม่ได้ ลอง ลบไฟล์ที่ไม่จำเป็น หรือ แอปที่ไม่ได้ใช้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่าง
  1. ล้างแคชและข้อมูลของ Google Play Store

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แอปพลิเคชัน (Apps) > Google Play Store เลือก Storage แล้วกด Clear Cache และ Clear Data จากนั้นลองเปิด Google Play Store และอัปเดต Free Fire อีกครั้ง ถ้ารอบนี้ได้ แสดงว่าติด Cache เก่า

  1. ล้างแคชของ Free Fire

ข้อที่แล้วคือการล้าง Cache ของตัวเครื่องในแอป แต่อันนี้จะเป็นการล้าง Cache ของตัว app เกม ฟีฟายเอง โดยเริ่มต้น ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แอปพลิเคชัน (Apps) > Free Fire เลือก Storage แล้วกด Clear Cache จากนั้นลองเปิดเกมแล้วอัปเดตใหม่

  1. ลองรีสตาร์ทเครื่อง

บางครั้งการ Restart เครื่องแค่ครั้งเดียวก็จะช่ยได้ โดย กด ปุ่มปิดเครื่อง ค้างไว้ เลือก Restart หรือ ปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่ หาก Restart แล้วได้ ก็คาดว่าน่าจะเกิดจากการที่มือถือไม่ได้มีการรีสตาร์ทมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้ด๊องได้

  1. อัปเดตเวอร์ชัน Android

Android เวอร์ชั่นควรจะต้องมากกว่า 2.2 ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ระบบ (System) > การอัปเดตซอฟต์แวร์ (Software Update) ตรวจสอบว่ามีอัปเดตใหม่หรือไม่ แล้วติดตั้งให้เรียบร้อย แต่สำหรับมือถือที่เก่าแล้วการอัพเดทอาจทำให้เครื่องช้าลงได้

  1. ลบแอป ฟีฟาย และทดลองติดตั้งใหม่

หากลองทุกวิธีแล้วยังอัปเดตไม่ได้ ให้ลบ Free Fire แล้วติดตั้งใหม่ โดยทำตามขั้นตอนนี้

  • ไปที่ Google Play Store
  • ค้นหา Free Fire แล้วกด ถอนการติดตั้ง (Uninstall)
  • จากนั้น ติดตั้งใหม่ (Install) แล้วลองเปิดเกมดู

อ่านต่อ: เช็ค รีฟัน RoV ทำยังไง แล้วจะโดนแบนหรือไม่? พร้อม 6 ขั้นตอนแก้


ปัญหาอื่นๆ ที่อาจเป็นเส้นผมบังภูเขา

  • ตั้งค่าวันที่และเวลาให้ถูกต้อง – มือถือของบางคนอาจ ไม่ได้มีการตั้งเวลาแบบอัติโนมัติ เอาไว้ ซึ่งเป็นต้นเหตุ ของเวลาที่ไม่ตรง ทำให้ อัพเดทฟีฟายไม่ได้ สามารถแก้ปัญหาเบื้องต้นได้ตามนี้
    • ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ระบบ (System) > วันที่และเวลา (Date & Time)
    • เปิด ตั้งค่าอัตโนมัติ (Set time automatically) แล้วลองอัปเดตใหม่
  • ปิด Google Play Store แล้วเปิดใหม่
    • ปิดแอป Google Play Store จากเมนู Recent Apps
    • เปิดใหม่แล้วลองอัปเดต Free Fire อีกที
  • ตรวจสอบว่าเซิร์ฟเวอร์ของ Free Fire ล่มหรือเปล่า?
    • บางครั้ง Garena อาจปิดเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราวเพื่ออัปเดตเกม ให้ลองเข้าไปที่ เพจทางการของ Free Fire หรือ เว็บไซต์ Garena เพื่อตรวจสอบสถานะ หรือเข้าไปที่ https://downdetector.com/status/free-fire/

การแก้ไขปัญหาด้านบนนี้ เฉพาะสำหรับการโหลดแอปจาก Google Play Store เท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับ Free Fire Advance Server ที่เปิดลงทะเบียนเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ดี หากทำทุกอย่างตามด้านบนแล้ว ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ควรติดต่อกับทาง Garena Free Fire เพื่อแจ้งปัญหาโดยตรงที่ https://support.garena.in.th/new/games/report/19/free-fire

วิธีแก้ไข Delta Force Blue Screen of Death (BSOD) – ทำไมถึงเกิดขึ้น

RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular

Recent Comments