Sword of Justice Class Tier List
รวมถึงข้อมูลเบื้องหลังจากจีนใน
ข่าวเปิดตัว Sword of Justice จาก NetEase
Sword of Justice คือเกมแบบไหนกันแน่?

ถ้าพูดแบบสั้น ๆ Sword of Justice คือ MMORPG ธีมกำลังภายใน ที่ใช้โครงเกมอายุเป็นสิบปีจากฝั่งจีน มาขัดเกลาใหม่แล้วปล่อยให้เล่นทั่วโลก จุดแข็งคือ โลกที่ออกแบบมาดีมาก ในระดับที่หลายคนกล้าบอกว่า “สวยกว่า MMO ที่ออกใหม่ในสิบปีหลัง” ด้วยซ้ำ ทั้งเมืองใหญ่ หมู่บ้านเล็ก หุบเขา วัด สำนัก และฉากหลังแบบหนังจีนคลาสสิกที่ถูกย่อยให้กลายเป็นแผนที่โอเพ่นเวิลด์ขนาดใหญ่
การเคลื่อนไหวในเกมไม่ใช่แค่เดิน–วิ่ง–กระโดดธรรมดา แต่มีระบบกระโดดลอยตัว/เหินเหมือนตัวละครกำลังภายใน ที่ต้องใช้เวลาเรียนรู้จังหวะบังคับเล็กน้อย แต่พอคล่องแล้วจะรู้สึกว่า “สำรวจแผนที่ได้สนุกขึ้น” โดยไม่เสียบรรยากาศโลกในเกมเหมือนบางเกมที่มีพาหนะบินเร็วเกินไปจนตัดทอนดีเทลรายทาง
จุดเด่น: โลกกว้าง เนื้อเรื่องจริงจัง และชีวิตในเกมที่ไม่ใช่แค่ลงดัน
โลกและการสำรวจ: คะแนนเต็มเรื่องบรรยากาศ
ในแต่ละแผนที่จะมีทั้งจุดปีนป่าย ภูมิประเทศแปลกตา เมืองที่มีสถาปัตยกรรมแตกต่างกันชัดเจน และยังมีจุดลับที่ต้องลองสังเกตแผนที่ดี ๆ ถึงจะเข้าไปเจอ สมบัติซ่อนอยู่ตามมุมต่าง ๆ มีให้เก็บเต็มไปหมด สำหรับคนชอบเดินเล่นและสำรวจ เกมนี้ถือว่าจัดให้หนักมาก
ตัวเกมยังใส่ ปริศนา / พัซเซิล เอาไว้ในหลายพื้นที่ แม้บางส่วนจะง่ายไปหน่อยสำหรับคนชอบอะไรโหด ๆ แต่ก็ช่วยให้การเดินทางไม่ใช่แค่การวิ่งผ่านเควสต์ ข่าวดีคือ ถ้าเล่นสายสำรวจจริงจัง มักจะได้รางวัลพวกสกิล เครื่องแต่งกาย หรือสกุลเงินพิเศษติดมือกลับมาเสมอ
เควสต์และเนื้อเรื่อง: ดราม่ามีชั้น เชื่อมโยงกับตัวเลือกของผู้เล่น
เควสต์หลัก–เควสต์รองของ Sword of Justice ไม่ได้โยน “ภารกิจเก็บของ 10 ชิ้น” ใส่ผู้เล่นรัว ๆ แบบไร้เหตุผล แต่จะเล่าเรื่องในโทนออกไปทางเศร้า ดราม่า และมีด้านมืดของโลกยุทธภพให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ความน่าสนใจคือ ตัวเลือกในการตอบโต้ และเงื่อนไขเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการแพ้–ชนะในบางฉาก หรือการได้ยินข่าวลือจาก NPC จะทำให้บทสนทนาเปลี่ยนไป และในระยะยาวอาจนำไปสู่ฉากจบที่ต่างกัน
ด้านเควสต์ย่อยก็ไม่ได้ทำมาแบบขอไปที หลายอันต้องเดินฟังคนในเมืองคุยกัน หรือไปสำรวจของตกตามฉากถึงจะปลดล็อก ทำให้คนที่ชอบอ่านเนื้อหา/ดูบทสนทนาจะสนุกกับการค่อย ๆ ไล่เก็บเรื่องเล่าในโลกเกมนี้มากเป็นพิเศษ
เกมนี้เหมาะกับใคร – ไม่เหมาะกับใคร?
| เหมาะกับผู้เล่นแบบไหน | อาจไม่ใช่สายของเกมนี้ |
|---|---|
| – ชอบบรรยากาศกำลังภายใน / โลกจีนโบราณ – สนุกกับการอ่านเนื้อเรื่องและเควสต์ยาว ๆ – ชอบเดินสำรวจแผนที่ เก็บเควสต์ย่อย พัซเซิล – เป็นสายแฟชั่น ชอบแต่งตัว ย้อมสีชุด – อินกับระบบชีวิต: ตกปลา สืบสวน เล่นดนตรี ทำบ้าน |
– เน้นลงดัน–ล่าบอสซ้ำ ๆ เป็นหลัก – ต้องการเกมเน้น Endgame Raid หนัก ๆ ตลอดเวลา – อยากได้เกม “ฟาร์มเกียร์ยาก ๆ” เพื่อวัดดวงดรอป – ไม่ชอบระบบ–เมนูเยอะ และระบบย่อยเต็มไปหมด – ไม่ชอบธีมจีนหรือกำลังภายในเลย |
โดยรวมแล้ว Sword of Justice โดดเด่นในด้าน “ความหลากหลายของกิจกรรม” มากกว่าการยัดคอนเทนต์ดันเจียนแบบหนัก ๆ ใครที่อยากเล่นเกมเดียวแล้วทำได้แทบทุกอย่าง ทั้งสร้างบ้าน ปลูกต้นไม้ จีบคน เต้น ดนตรี ตกปลา และยังมี PvP/PvE ให้เล่นเป็นช่วง ๆ เกมนี้ตอบโจทย์ชัดเจน
ระบบต่อสู้: ระหว่าง MMO ดั้งเดิมกับแอ็กชันสมัยใหม่

ระบบคอมแบตของ Sword of Justice จะอยู่กึ่งกลางระหว่าง Tab Target แบบดั้งเดิม กับ Action Combat ผู้เล่นต้องล็อกเป้าศัตรู แต่ยังต้องขยับตำแหน่งตัวละคร หาจังหวะหลบสกิลใหญ่ และใช้ i-frame ให้ถูกจังหวะด้วย สกิลหลายอย่างเมื่อกดใช้จะตรึงตัวละครให้อยู่กับที่ ทำให้การยืนตำแหน่งมีความสำคัญมาก
ข้อดีคือมีสกิลและลูกเล่นเยอะ ทั้งการผสม Light/Heavy Attack เป็นคอมโบ เหมือนเกมไฟติ้งเล็ก ๆ และการผสมธาตุ/ประเภทสกิลเพื่อสร้างเอฟเฟกต์ต่อเนื่อง แต่ด้านหนึ่งก็มักถูกใช้แบบ “กดวนตามคูลดาวน์” จนรู้สึกว่าระบบคอมโบลึก ๆ ถูกใช้งานจริงไม่มากเท่าที่ควร
ในช่วงต้นเกม การต่อสู้จะง่ายและตรงไปตรงมา เน้นทำความเข้าใจระบบก่อน แต่เมื่อเข้าสู่คอนเทนต์ระดับสูง อย่างบอสเฉพาะกิจ โหมด Boss Gauntlet และ Raid 3 บอส จะเริ่มต้องวิ่งหลบ ท่องกลไก และเล่นเป็นทีมมากขึ้น ใครชอบความท้าทายยังพอมีให้ไล่เก็บ แต่คนที่ต้องการ “Raid ยากจัดทุกสัปดาห์” อาจรู้สึกว่าเกมนี้ไม่ได้เน้นจุดนั้นที่สุด
คอนเทนต์ในเกม: เยอะจนงง แต่ถ้าเลือกได้ก็โคตรสนุก
สิ่งที่คนเล่นยาว ๆ ชอบพูดตรงกันคือ Sword of Justice ให้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ใน “โลกออนไลน์ใบใหญ่” ที่มีอะไรให้ทำเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็น:
- ดันเจียนสั้น ๆ, โหมด Roguelike, Boss Gauntlet, Raid
- บอสโลก, PvP 1v1, 3v3, สมรภูมิ 12v12, Guild vs Guild
- ระบบล่าค่าหัว สายตำรวจ–โจร ไล่จับคนมีค่าหัว
- สายสำรวจ แก้พัซเซิล เก็บไอเทมลับ เพิ่มค่าความสัมพันธ์กับ NPC
- สายชีวิต (Lifeskill) เช่น ตกปลา เต้น เล่นดนตรี สืบคดีสไตล์เกมสืบสวน
- ระบบ Bitlife-like life simulator, มินิเกมการ์ด และฟีเจอร์แนวโซเชียลมีเดีย
ยังไม่รวมระบบบ้านที่หลายคนยกให้เป็นหนึ่งในระบบ Housing ที่ดีที่สุดในวงการ MMO ซึ่งใน
รีวิว Sword of Justice บน Rechargeland ก็ลงรายละเอียดไว้ค่อนข้างชัด ว่าแค่สร้างบ้าน ตกแต่ง ปรับพื้น ปลูกต้นไม้ ก็สามารถเผลอใช้เวลาไปเป็นสิบ ๆ ชั่วโมงได้แล้ว
ระบบปรับแต่งตัวละคร แฟชั่น และบ้าน: ของเล่นสาย “แต่ง–สร้าง–สะสม”
หนึ่งในจุดขายของ Sword of Justice คือ ความละเอียดในการปรับแต่ง แทบทุกอย่าง ตั้งแต่หน้าตาตัวละคร ทรงผม ท่าทาง วิ่ง–กระโดด ไปจนถึงเกราะ อาวุธ ย้อมสี และสัตว์ขี่ ชุดเกราะหนึ่งชิ้นมีจุดให้ย้อมนับสิบจุด ใช้ Color Wheel เลือกเฉดสีได้ละเอียดมาก เรียกว่าสายแฟชั่นสายสกรีนช็อตจุใจเต็มที่
อาวุธเองยังแบ่งชิ้นส่วนเป็นหัว ด้าม ฐาน ให้ผสมกันได้ ทำให้หอกหนึ่งเล่มของผู้เล่นสองคนอาจหน้าตาไม่เหมือนกันเลย ระบบบ้านก็ให้เครื่องมือเยอะระดับเกมสร้างบ้านเต็มรูปแบบ ทั้งการวางเฟอร์นิเจอร์แบบอิสระ หมุน ปรับแกน ย้ายตำแหน่ง และไม่มีการล็อกของตกแต่งหลักไว้หลัง Paywall
จุดติดนิดเดียวคือมีชุดแฟชั่นบางแบบที่หลุดธีม Wuxia ไปไกล เช่น หมวกอีโมจิ ชุดสตรีทโมเดิร์น ซึ่งแม้จะเจอไม่บ่อย แต่ก็ทำให้คนที่อินบรรยากาศจีนโบราณอาจรู้สึกขัดตาอยู่บ้าง
โมเดลเติมเงิน: สายฟรีเล่นได้ สายแฟชั่นเติมแล้วสบาย
ด้านการหารายได้ Sword of Justice ไม่ได้บีบผู้เล่นมากเท่าเกมออนไลน์ยุคใหม่หลายเกม จุดหลักอยู่ที่ แฟชั่น–สกิน–ความสวยงาม เป็นหลัก สกิล ชุด และสกุลเงินจำนวนหนึ่งสามารถหาได้จากการเล่นปกติ ดรอปจากคอนเทนต์ต่าง ๆ และทำภารกิจให้ครบ
แม้จะมีระบบกาชาและการแปลงสกุลเงินพรีเมียมไปใช้ในตลาดซื้อขายไอเทม แต่ในภาพรวมผลต่อสมดุล PvP จะอยู่ในระดับประมาณ 10–15% ซึ่งฝีมือจริง การจัดสกิล และการยืนตำแหน่งยังมีผลมากกว่าอยู่ดี หมายความว่าไม่ได้กลายเป็น Pay-to-Win เต็มรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม สำหรับสายแฟชั่น–สายบ้าน–สายอยากปลดล็อกของตกแต่งไว ๆ การเติมเงินก็ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นพอสมควร โดยเฉพาะคนที่ไม่มีเวลาฟาร์มเยอะ แต่ยังอยากแต่งตัวละครให้แตกต่างจากคนอื่น
เติมเกม Sword of Justice ยังไงให้คุ้ม?
สำหรับผู้เล่นในไทยที่อยากเติมแบบปลอดภัย รองรับช่องทางจ่ายเงินท้องถิ่น และได้เรตคุ้มกว่าเติมตรงในเกม สามารถใช้บริการผ่านหน้า
เติมเกม Sword of Justice บน Rechargeland
ซึ่งเน้นขายเครดิต–แพ็กเกจในราคาที่จับต้องได้ และมักมีโปรโมชันหมุนเวียนให้เลือกเป็นระยะ
กลยุทธ์ที่แนะนำคือเน้นเติมเพื่อปลดล็อกแฟชั่นหรืออำนวยความสะดวกเล็กน้อย แทนการทุ่มเงินเพื่อหวังแรงค์ PvP เพราะระบบของเกมยังให้ความสำคัญกับสกิลเพลย์อยู่มาก ใครเล่นเก่งและเข้าใจคลาสตัวเองดี มักจะไม่เสียเปรียบคนที่เติมหนักมากจนเกินไป
สรุปมุมมอง: Sword of Justice คือ MMO สำหรับคนที่อยาก “ใช้ชีวิต” มากกว่าฟาร์มอย่างเดียว
ถ้ามองหากเกม MMO ที่ออนไลน์เข้าไปแล้วมีอะไรให้ทำหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเดินเล่นคุยกับ NPC ทำเควสต์ยาว ๆ ปลูกผัก สร้างบ้าน แต่งตัว ลงดันบ้างเป็นช่วง ๆ แล้วตามด้วยนั่งถ่ายรูปกับเพื่อน Sword of Justice คือหนึ่งในเกมที่ตอบโจทย์แบบนั้นได้ชัด และด้วยพื้นฐานเกมที่อยู่ในจีนมานาน ทำให้ฝั่งคอนเทนต์ระยะยาวไม่ค่อยน่าเป็นห่วง
ใครอยากศึกษาระบบอาชีพให้ลึกขึ้น แนะนำให้อ่าน
บทความ Tier List คลาส Sword of Justice บน Rechargeland
ประกอบ ส่วนคนที่อยากรู้ความเป็นมาของโปรเจกต์ MMO ตัวนี้ในจีนก็สามารถดูได้จาก
ข่าวแนะนำ Sword of Justice จาก NetEase
เพื่อเห็นภาพพัฒนาการของเกมจากอดีตถึงปัจจุบัน
สุดท้าย ถ้าลองเล่นแล้วรู้สึกว่า “นี่มันโลกกำลังภายในที่ตามหามานาน” การเติมเล็กน้อยผ่าน
ระบบเติมเกม Sword of Justice ของ Rechargeland
เพื่อสนับสนุนเกมและปลดล็อกความสวยงามเพิ่มเล็กน้อย ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่บาลานซ์ดีระหว่างความสนุกและความคุ้มค่า


