Tuesday, September 2, 2025
Homeความรู้ติดเกม League of Legends หนักมาก จะแก้ปัญหายังไงดี?

ติดเกม League of Legends หนักมาก จะแก้ปัญหายังไงดี?

คงไม่มีใครว่าถ้าจะติดเกมอะไรซักเกมหนึ่ง หากเล่นเป็นประจำ แต่การติดเกมก็มีหลายระดับ แต่ชายคนนี้ คาดว่าติดเกมงอมแงมระดับสุดซึ่งมีปัญหากับชีวิตตัวเองในปัจจุบัน ซึ่งเกมนั้นก็คือ League of Legends ซึ่งข้อมูลมาจาก Reddit ที่มีผู้มาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการติดเกม LOL อย่างไม่ลืมหูลืมตา เราจะมาแชร์ประสบการณ์กัน

ปัญหา ติดเกม League of Legends 

ข้อมูลนี้มาจาก Reddit.com ซึ่งมีผู้โพสต์ว่า เล่นเกม LOL มาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี และเป็นคนติดเกมนี้หนักมาก แม้จะพยายามลบเกมออกจากเครื่องไปแล้ว แต่สุดท้ายก็จะกลับมาลงใหม่ภายใน 1-2 วันเสมอ การติดเกมนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เขากลับมาเล่นซ้ำๆ แต่ยังส่งผลเสียต่อตัวเค้าเองมากๆ เช่น เริ่มสบถด่าทุกอย่างโดยไม่มีเหตุผล และเริ่มเกลียดตัวเองด้วย

ซึ่งผู้โพสต์ ได้อธิบายต่อว่า พยายามแก้ปัญหาโดยการหาอะไรทำใหม่ๆ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะตอนที่ทำอย่างอื่นก็จะเห็นภาพเกมโผล่มาในหัวเสมอ แม้แต่เวลาดูหนังเกี่ยวกับ Vampire ก็จะนึกถึงตัวละครที่อยู่ใน LOL อย่าง Vladimir อยู่เรื่อยไป

อีกปัจจัยหนึ่งคือ การติดตามเกมนี้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการดู สตรีมเกม ของคนอื่นๆ ใน Twitch และ Youtube มากเกินไปแม้ว่าไม่ได้เล่นเอง และอยากจะเลิกเกมนี้ให้ได้ และนี่คือปัญหาที่จริงๆแล้ว ยังมีอีกหลายๆคน ที่พบเจอ แต่อาจไม่เคยมีใครพูดถึงมัน

อาการติดเกมมี 2 ระดับ หลักๆ 

แม้ว่าเกม League of Legends หลายคนเคยได้ทดสอบ IQ แล้ว และพบว่า ส่วนใหญ่แล้วผู้เล่นเกมนี้จะมี IQ สูง เมื่อเทียบกับเกมอื่นๆ แต่อาการติดเกมเป็ฯคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง โดยทางการแพทย์ มีงานวิจัยที่แบ่งแยกการติดเกมไว้เป็น 2 ระดับคือ

  1. การเล่นเกมที่มีปัญหาเบื้องต้น (Problematic Gaming): เป็นพฤติกรรมในระดับที่ไม่รุนแรงมาก ผู้เล่นยังสามารถควบคุมตัวเองได้บ้าง แต่ก็เริ่มมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น ใช้เวลาเล่นเกมนานกว่าที่ตั้งใจไว้ การจัดเวลาทำงานหรือการเรียนแย่ลง มีอารมณ์หงุดหงิดเมื่อไม่ได้เล่น และใช้การเล่นเกมเพื่อหนีปัญหาในชีวิตจริง
  2. ความผิดปกติจากการเล่นเกม (Gaming Disorder): จัดเป็นภาวะการติดที่รุนแรงและได้รับการรับรองโดย องค์การอนามัยโลก (WHO) ในฐานะโรคทางจิตเวช การวินิจฉัยจะพิจารณาจากอาการสำคัญ 3 ข้อที่เกิดขึ้นต่อเนื่องนานกว่า 12 เดือน ได้แก่:
    • ขาดการควบคุมตนเอง: ไม่สามารถจำกัดเวลาหรือปริมาณการเล่นเกมได้
    • ให้ความสำคัญกับการเล่นเกมเป็นอันดับแรก: การเล่นเกมกลายเป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุดในชีวิต จนละเลยหน้าที่หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
    • เล่นเกมอย่างต่อเนื่องแม้รู้ว่าจะมีผลเสีย: ยังคงเล่นเกมต่อไปทั้งที่รู้ว่ากำลังส่งผลเสียต่อการเรียน การทำงาน หรือสุขภาพของตัวเอง

อ้างอิง Who.int, Psychiatry.org, Health.harvard.org

โดยจะเห็นว่า อาการ การติดเกมนั้น จะมีขั้นต่ำ และ กระโดดไปขั้นสุดเลย ไม่มีขั้นกลาง หรือเป็นระดับคะแนน 1-10 ซึ่งอาจแปลว่าติดเกมระยะแรกนั้น อาจะกระโดดไประยะสุดท้ายได้เลยโดยที่ตัวเองอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็เป็นได้

แก้ หรือ บรรเทาปัญหา อาการติดเกม 

แนวทางแก้ปัญหาติดเกม (Evidence-Based)

สรุปแนวทางที่ได้รับการยอมรับในวงวิชาการ สามารถใช้ร่วมกันได้ตามดุลยพินิจผู้เชี่ยวชาญ ไม่ทดแทนการวินิจฉัยทางการแพทย์ มีอยู่ด้วยกัน 3 วิธีคือ

แนวทาง วิธีทำงาน / จุดเน้น เหมาะกับใคร / ใช้เมื่อ หลักฐานวิจัย ข้อควรทราบ
CBT
(Cognitive Behavioral Therapy)
ระบุ-จัดการตัวกระตุ้น (Triggers), ปรับความคิด/พฤติกรรม, วางกิจกรรมทดแทน, ฝึกทนต่อความอยาก (urge management) ผู้มีอาการเข้าข่าย IGD หรือเล่นมากเกินควบคุม Systematic Review (PMC6676106) ผลดีเมื่อทำกับนักบำบัด; ทำคู่กับกลุ่มบำบัด/ให้คำปรึกษาเพิ่มประสิทธิผล
MI
(Motivational Interviewing)
เสริมแรงจูงใจภายใน สำรวจความขัดแย้งระหว่างพฤติกรรมปัจจุบันกับเป้าหมายชีวิต ใช้คำถามเชิงสะท้อน ผู้ที่ “ยังสองจิตสองใจ” ต่อการเปลี่ยนแปลง Study Review (PMC5722363) เหมาะเริ่มต้นก่อน/ระหว่างทำ CBT; มักเป็นสั้น-เป็นตอน ๆ
Pharmacotherapy
(การใช้ยา)
จัดการโรคร่วม เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล สมาธิบกพร่อง เพื่อช่วยให้ตอบสนองต่อจิตบำบัดได้ดีขึ้น มีอาการร่วมชัดเจน ต้องได้รับการประเมินโดยจิตแพทย์ Review (PMC7013898) ไม่ใช่การรักษาหลัก ใช้ควบคู่จิตบำบัดเท่านั้น ต้องติดตามอาการ-ผลข้างเคียงใกล้ชิด

ข้อแนะนำ: หากมีผลกระทบต่อการเรียน/งาน/ความสัมพันธ์ ควรปรึกษานักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

ไม่ใช่ LOL อย่างเดียว เกมอื่นๆก็เป็นเหมือนกัน และมีผู้ป่วยมากขึ้น

นี่ยังไม่นับรวมการติดเกม และ เติมเกม League of Legends ซึ่งเชื่อว่ามีมากกว่านี้แน่นอน และผู้คนทั่วโลกมีภาวะการติดเกมเพิ่มขึ้นหรือลดลงเมื่อเทียบกับอดีตนั้นยังคงเป็นเรื่องที่ยังไม่เคยมีการเก็บสถิติ แต่คาดว่ามีมากขึ้นอย่างแน่นอนด้วยหลายปัจจัยเช่น อุปกรณ์การเล่นสะดวกขึ้น หรือเกมที่ออกแบบมาให้เสพติด เช่นพวกเกม Gacha ทั้งหลาย รวมถึง การติดจากช่วย COVID-19 ที่คนต้องอยู่บ้านมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ยังคงเป็นความเห็นและไม่มีหลักฐานอย่างเป็นทางการ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular

Recent Comments