เวลาพูดถึง “โกงเกม” ใน RoV หลายคนจะนึกถึงแค่การแบนไอดีหรือโดนตัดสิทธิ์ แต่พอขยับมาเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติหรือรายการที่มีสถานะ “ทีมชาติ/อาชีพ” เรื่องมันหนักขึ้นทันที เพราะความเสียหายไม่ได้เกิดแค่ในเกม—มันกระทบความยุติธรรมของการแข่งขัน ชื่อเสียงประเทศ เงินรางวัล สปอนเซอร์ และงบสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐด้วย
ประเด็นที่เป็นข่าวบ่อยที่สุดคือ “ให้คนอื่นเล่นแทน” (Account Sharing / Ringing) หรือใช้เครื่องมือรีโมทเพื่อให้บุคคลอื่นเข้ามาคุมบัญชีแข่งแทน ซึ่งโดยโครงสร้างแล้วสามารถลากไปได้หลายทาง: คดีอาญาฐานฉ้อโกง, ความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, กฎหมายกีฬาอาชีพเรื่อง “ล้มกีฬา/ทุจริตผลการแข่งขัน”, คดีแพ่งเรื่องผิดสัญญาและละเมิด รวมถึงบทลงโทษทางวินัยจากผู้จัด-ผู้ให้บริการเกมและสมาคมกีฬา
หมายเหตุด้านกฎหมาย: เนื้อหานี้เป็นข้อมูลเชิงความรู้ทั่วไป ไม่ใช่คำปรึกษากฎหมายเฉพาะกรณี หากต้องตัดสินใจเชิงคดีจริงควรปรึกษาทนาย/ผู้เชี่ยวชาญ และตรวจเอกสารกติกาการแข่งขันฉบับทางการของรายการนั้น ๆ เพิ่มเติม
“โกงระดับแข่ง” ใน RoV หมายถึงอะไรบ้าง (ที่เสี่ยงโดนหนัก)

การโกงในบริบทการแข่งขัน (Competitive Integrity) ไม่ได้จำกัดแค่โปรแกรมโกงแบบในแรงค์ แต่รวมถึงพฤติกรรมที่ทำให้การแข่งขัน “ไม่เป็นธรรม” หรือทำให้ผลการแข่งขัน/สิทธิประโยชน์ถูกได้มาแบบทุจริต เช่น:
- ให้คนอื่นเล่นแทน (Ringing) หรือแชร์บัญชีสำหรับลงแข่ง (Account Sharing)
- ใช้โปรแกรมรีโมท/เข้าคุมเครื่องจากระยะไกลเพื่อให้คนอื่นเป็นคนเล่นจริง
- ส่งข้อมูลเท็จให้ผู้จัด/กรรมการ เช่น ยืนยันตัวตนไม่ตรงกับผู้เล่นจริง
- ฮั้ว/ล็อกผล (ถ้ามีผลประโยชน์ร่วม เช่น พนัน/สินบน/สั่งแผนให้แพ้-ชนะ)
- ฝ่าฝืนกติกาอุปกรณ์/บัญชี/ทีมอย่างมีเจตนาทุจริต
จุดสำคัญคือ “ยิ่งเกี่ยวกับเงินรางวัล สิทธิ์แข่งขัน เกียรติยศทีมชาติ หรือเงินสนับสนุน” โอกาสขยายเป็นคดีและบทลงโทษหลายชั้นจะสูงขึ้นมาก
โทษทางอาญา: ฉ้อโกง (กรณีหลอกว่าเล่นเองเพื่อเอาเงินรางวัล/สิทธิ์)
ถ้าพฤติกรรมเป็นการ “หลอก” ผู้จัดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเป็นผู้เล่นตัวจริง ทั้งที่ให้คนอื่นเล่นแทน และทำไปเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินรางวัล/สิทธิประโยชน์/ทรัพย์สิน มีความเสี่ยงถูกมองเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา (มาตรา 341) ได้ โดยแก่นคือการหลอกลวงเพื่อให้ได้ทรัพย์สินหรือประโยชน์ที่มีมูลค่า
ในทางปฏิบัติ คดีลักษณะนี้จะพิจารณาจาก “เจตนา + พฤติการณ์ + หลักฐาน” ว่ามีการแสดงข้อมูลเท็จเพื่อให้เกิดการมอบเงินรางวัลหรือสิทธิ์จริงหรือไม่ และใครเป็นผู้เสียหายโดยตรง (ผู้จัด/หน่วยงาน/สปอนเซอร์ ฯลฯ)
โทษตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์: ข้อมูลเท็จ/บิดเบือนที่ก่อความเสียหาย
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ใช้บังคับในปัจจุบัน) มีมาตรา 14 ที่พูดถึงการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม/เท็จ/บิดเบือน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งกรณีการแข่งขันอาจถูกโยงได้เมื่อมีการ “นำเข้าข้อมูลเท็จ” เข้าสู่ระบบ (เช่น การยืนยันตัวตน/สถานะผู้เล่น/ข้อมูลการลงแข่ง) แล้วทำให้เกิดความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือและความยุติธรรมของการแข่งขัน
ประเด็นนี้มักเดินคู่กับการสืบพยานดิจิทัล (Log, IP, อุปกรณ์, การเชื่อมต่อรีโมท) เพื่อชี้ว่าเกิดการกระทำผ่านระบบคอมพิวเตอร์จริงและมีผลกระทบจริง
โทษตามกฎหมายกีฬาอาชีพ: “ล้มกีฬา/ทุจริตผลการแข่งขัน”

เมื่อการแข่งขันมีลักษณะกีฬาอาชีพ (รวมถึงอีสปอร์ตในมิติที่ถูกจัดการแบบกีฬา) กฎหมายที่ถูกหยิบมาอ้างอิงบ่อยคือ “พระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556” ที่ให้คำนิยามการล้มกีฬาไว้กว้าง ครอบคลุมการแสร้งแพ้หรือกระทำ/ไม่กระทำโดยมีเจตนาทุจริต รวมถึงการสมยอมกันเพื่อให้ผลเป็นไปตามที่กำหนดล่วงหน้า
แม้กรณี “ให้คนอื่นเล่นแทน” จะไม่ใช่การแสร้งแพ้แบบคลาสสิก แต่ถ้ามีองค์ประกอบทุจริตเพื่อให้ได้ผลแข่งขัน/สิทธิ์/เงินรางวัล หรือมีเรื่องผลประโยชน์ร่วม (เช่น สินบน/จ้าง/ฮั้ว) โทษตามหมวดบทกำหนดโทษในกฎหมายนี้อาจถูกพิจารณาร่วม โดยบทลงโทษในหลายมาตรากำหนดโทษจำคุกและปรับในช่วงหลักแสนบาทขึ้นไป (เช่น ปรับตั้งแต่ 200,000–500,000 บาทในบางกรณี)
โทษทางแพ่งและสัญญา: ผิดสัญญา + ละเมิด + เรียกคืนเงิน
ในโลกอีสปอร์ตจริง นักกีฬาไม่ได้มีแค่ “ชื่อในทีม” แต่มีสัญญาจ้าง สัญญาสปอนเซอร์ กฎระเบียบทีม และข้อกำหนดผู้จัดการแข่งขันรองรับอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อเกิดการโกง มักเกิดผลตามมาที่เป็น “เงินล้วนๆ” ในทางแพ่ง เช่น:
- ผิดสัญญาจ้าง/สัญญาทีม ต้นสังกัดยกเลิกสัญญา และฟ้องเรียกค่าเสียหาย (ชื่อเสียง/สปอนเซอร์ถอน/เสียโอกาส)
- เรียกคืนเงินสปอนเซอร์ หากมีเงินเบี้ยเลี้ยง/งบฝึกซ้อม/เงินรางวัลจากหน่วยงานที่มีกติกาชัดเจนเรื่องวินัย
- เพื่อนร่วมทีมฟ้องได้ ถ้าถูกปรับแพ้ทั้งทีม/ถูกตัดสิทธิ์ทั้งทีมจนเสียเงินรางวัลหรือโอกาส
สรุปคือ ต่อให้คดีอาญายังไม่จบ “ค่าเสียหายในระบบสัญญา” ก็อาจเริ่มเดินก่อนแล้ว เพราะฝั่งสโมสรและสปอนเซอร์ต้องปกป้องความเสี่ยงของตัวเอง
บทลงโทษทางวินัย: แบนไอดี แบนแข่ง ยึดเงินรางวัล และขึ้นบัญชีดำ
ส่วนที่นักแข่งกลัวที่สุดในแง่ “จบอาชีพ” มักไม่ใช่คดีศาล แต่เป็นบทลงโทษด้านการแข่งขัน (ลองดูกติกา ROV ในปี 2024) เพราะทำให้กลับมาแข่งรายการใหญ่ไม่ได้อีก โดยแนวทางทั่วไปของผู้จัด/ผู้ให้บริการเกมคือ:
- Permanent Ban / Competition Ban แบนบัญชี/แบนเข้าร่วมรายการแข่งเป็นเวลานานมากหรือถาวร
- Forfeiture ยึดเงินรางวัลหรือริบสิทธิประโยชน์จากรายการที่กระทำผิด
- Disqualification ตัดสิทธิ์ทั้งทีม/ทั้งรายการ หากความผิดกระทบความน่าเชื่อถือการแข่งขัน
ตัวอย่างประกาศลงโทษในระบบ RoV Esports เคยมีการสื่อสารสาธารณะโดยช่องทางของผู้จัดการแข่งขันด้วย
เมื่อชื่อถูกประกาศและถูกตีตราเรื่อง Integrity ความเสียหายจะลากไปถึงงานสตรีม งานครีเอเตอร์ และการหาทีมใหม่ เพราะวงการจะมองเรื่องความน่าเชื่อถือเป็นอันดับแรก
คนเล่น RoV น้อยลงจริงไหม? ดูตัวเลข Active Player ตารางย้อนหลัง 5 ปี
ขั้นตอนที่มักเกิดขึ้นจริงเมื่อถูกจับได้
เวลามีเคส “เล่นแทน” หรือทุจริต ผู้จัดการแข่งขันมักไม่สรุปจากความรู้สึก แต่จะไล่หลักฐานที่ตรวจสอบได้ โดยโฟกัสไปที่ความเชื่อมโยงของตัวบุคคล-อุปกรณ์-เครือข่าย และพฤติกรรมการล็อกอิน
| ลำดับ |
ขั้นตอน |
ตัวอย่างหลักฐาน/สิ่งที่ตรวจ |
ผลลัพธ์ที่มักตามมา |
| 1 |
รับแจ้งเหตุ/ตั้งข้อสงสัย |
คลิปถ่ายทอด, ฟอร์มการยืนยันตัวตน, รายงานทีม/ผู้ตัดสิน |
เริ่มกระบวนการสอบสวนภายใน |
| 2 |
ตรวจ Log และพฤติกรรมบัญชี |
IP, เวลาเข้าออก, อุปกรณ์, การสลับเครื่องผิดปกติ |
สรุปพฤติการณ์เบื้องต้น |
| 3 |
ตรวจความเชื่อมโยงรีโมท/เครื่องมือ |
ร่องรอยซอฟต์แวร์รีโมท, การเชื่อมต่อจากภายนอก |
ยกระดับเป็นความผิดร้ายแรง |
| 4 |
แจ้งบทลงโทษการแข่งขัน |
อ้างกติกา/เงื่อนไขรายการ |
แบน/ตัดสิทธิ์/ริบเงินรางวัล |
| 5 |
พิจารณาดำเนินคดี/เรียกคืนเงิน |
เอกสารเงินสนับสนุน, สัญญาจ้าง, ความเสียหาย |
แจ้งความ/ฟ้องแพ่ง/เรียกคืนเงิน |
ด้านกฎหมาย หากเข้าข่าย “ข้อมูลเท็จในระบบคอมพิวเตอร์” มาตรา 14 กรอบโทษตามกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนว่ามีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สรุปภาพรวมโทษ: ทำไมเคสนี้ “ไม่จบแค่แบน”
| หมวด |
ฐานความเสี่ยง |
สิ่งที่มักต้องพิสูจน์ |
ผลกระทบที่พบบ่อย |
| อาญา |
ฉ้อโกง (หลอกเพื่อเอาเงิน/สิทธิ) |
การหลอก + เจตนา + ได้ประโยชน์/ทรัพย์ |
คดีอาญา, ประวัติ, เสี่ยงจำคุก/ปรับ |
| คอมพ์ |
นำเข้าข้อมูลเท็จ/บิดเบือน (ม.14) |
ข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบ + เกิดความเสียหาย |
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี/ปรับไม่เกิน 100,000 |
| กีฬา |
ล้มกีฬา/ทุจริตการแข่งขัน (พ.ร.บ.กีฬาอาชีพ) |
เจตนาทุจริต/ผลประโยชน์/การจูงใจ ฯลฯ |
โทษตามมาตราที่เกี่ยวข้อง เช่น ปรับหลักแสนและโทษจำคุกในบางกรณี |
| แพ่ง |
ผิดสัญญา/ละเมิด |
สัญญามีข้อห้าม + เกิดความเสียหาย |
โดนฟ้องค่าเสียหาย, ยกเลิกสัญญา, สปอนเซอร์ถอน |
| วินัย |
ละเมิดกติกาแข่งขัน/นโยบายความซื่อสัตย์ |
หลักฐานการแข่งขัน + เงื่อนไขรายการ |
แบนแข่ง/แบนบัญชี/ตัดสิทธิ์/ประกาศลงโทษ |
ถ้าต้องสรุปให้ชัดที่สุด: “โกงในระดับนานาชาติ” คือการทำลายความน่าเชื่อถือของการแข่งขันแบบย้อนกลับยาก จึงถูกลงโทษแบบหลายชั้น—ชั้นกฎหมาย, ชั้นสัญญา, ชั้นวินัย และชั้นอาชีพ—พร้อมกัน
สรุปสุดท้าย
การให้คนอื่นเล่นแทน/แชร์บัญชีใน RoV ระดับแข่งขันไม่ใช่ “ลูกเล่น” แต่เป็นความเสี่ยงระดับต้องโดนบังคับคดี เพราะมีโอกาสถูกพิจารณาได้ตั้งแต่ฉ้อโกง, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14, ไปจนถึงกฎหมายกีฬาอาชีพเรื่องการทุจริตการแข่งขัน รวมทั้งคดีแพ่งและบทลงโทษแบนจากวงการแข่งที่ทำให้เส้นทางนักกีฬาแทบปิดลงในทันที