5 เกมแนว Battle Royale ที่ยังคงเป็นที่นิยมสูงสุดปี 2025 คนไทยเล่นเยอะ

0
20

ในปี 2025 เกมแนว Battle Royale ยังคงครองความนิยมในหมู่ผู้เล่นเกมทั่วโลก ด้วยรูปแบบการเล่นที่เน้นการเอาตัวรอด การแข่งขันกันตาม Server ต่างๆ และการจัด Tournament ในแต่ละค่ายเกม รวมถึงการต่อสู้ที่ผสมผสานทั้งทักษะและกลยุทธ์ เกมเหล่านี้ดึงดูดผู้เล่นทุกวัย ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงมือโปรที่ต้องการโชว์ฝีมือและขิงกันในสนามรบ มาดูกันว่า 5 เกม Battle Royale ที่ยังครองใจผู้เล่นในปีนี้มีอะไรบ้าง และอะไรที่ทำให้เกมเหล่านี้ยังน่าสนใจ

5 เหตุผล ที่ทำไม เกมแนว Battle Royale จึงมีผู้เล่นเยอะ?

เกมแนว Battle Royale ยังคงครองใจผู้เล่นทั่วโลกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ที่เกมอย่าง PUBG และ Fortnite เปิดตัวครั้งแรก โดยประเภทเกมนี้ไม่ได้เพียงแค่เป็นกระแสในช่วงหนึ่ง แต่ยังกลายเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมเกม ทั้งในแง่ของความนิยม มูลค่าตลาด และการสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ๆ เกม Battle Royale ครองเวทีการแข่งขัน Esports

1. การเล่นที่เปลี่ยนจากทีมสู่การเอาตัวรอดในเกม

ในอดีต เกมแบบผู้เล่นหลายคน (Multiplayer) มักจะมีรูปแบบง่ายๆ คือ Team A ปะทะ Team B แต่ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา เกมอย่าง DayZ และ H1Z1 ได้มีการทำเกมด้วยแนวคิดใหม่:“เอาตัวรอดคนสุดท้าย” หรือ “Last Man Standing”

ผู้เล่นจะถูกโยนเข้าสู่สนามรบขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยอาวุธและอุปกรณ์เพื่อการเอาตัวรอด การต่อสู้แบบนี้เพิ่มความตื่นเต้นให้กับผู้เล่นเพราะทุกคนต่างแข่งกันเพื่อเป็นคนสุดท้ายที่เหลือรอด

ในปัจจุบัน เกมอย่าง Call of Duty: Warzone, Apex Legends และ Free Fire ยังคงสร้างปรากฏการณ์ในวงการ ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างแต่ยังคงความตื่นเต้นแบบ Battle Royale


2. ธรรมชาติของการแข่งขัน ขิงกัน ใครอยู่สุดท้ายเป็นเทพ

มนุษย์โดยธรรมชาติชอบการแข่งขัน และเกม Battle Royale ก็ตอบโจทย์ข้อนี้ได้อย่างดี การได้แสดงฝีมือเหนือกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ในสนามที่มีผู้เล่นหลายสิบหรือหลายร้อยคน เป็นสิ่งที่สร้างความรู้สึกถึง “ความเป็นที่หนึ่ง” ซึ่งหาได้ยาก

นอกจากนี้ การแข่งขันยังเพิ่มความตื่นเต้นด้วยระบบการเล่นที่ยืดหยุ่น เช่น การเลือกแผนที่ การวางแผนกลยุทธ์ และการใช้ไอเทมพิเศษที่สามารถสร้างความได้เปรียบในเกม


3. โมเดลเกมฟรีที่เข้าถึงง่าย

เกม Battle Royale ส่วนใหญ่มักใช้โมเดล Free-to-Play ทำให้ทุกคนสามารถเริ่มเล่นได้โดยไม่ต้องเสียเงิน แม้ว่าจะมีการเติมเงินในเกมผ่านระบบ Battle Pass หรือซื้อไอเทมพิเศษ แต่การที่เกมเปิดโอกาสให้ทุกคนเล่นฟรีช่วยขยายฐานผู้เล่นได้อย่างมหาศาล

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Fortnite ซึ่งเป็นเกมที่รองรับการเล่นแบบข้ามแพลตฟอร์ม (Cross-Platform) ผู้เล่นจากมือถือ คอมพิวเตอร์ หรือคอนโซลต่างๆ สามารถเล่นด้วยกันได้ ช่วยเพิ่มความหลากหลายและดึงดูดผู้เล่นทุกกลุ่ม


4. การออกแบบเกมและความที่มันเล่นง่ายมากๆ

เกม Battle Royale มักมีการออกแบบให้เข้าใจง่ายและเล่นได้ทันที นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความน่าสนใจด้วยกราฟิกสวยๆ มีโหมดแบบกราฟฟิกไม่สูง สำหรับคนใช้มือถือเสปคต่ำๆ (เช่น pubg lite) การสะสมไอเทม และธีมกับสกินที่แตกต่าง เช่น

  • การผสมศิลปะการต่อสู้ใน Naraka: Bladepoint
  • ธีมซอมบี้ใน Dying Light
  • หรือการต่อสู้แบบเบาสมองใน Crab Game

เกมเหล่านี้ยังได้รับความนิยมจากนักสตรีมเมอร์และครีเอเตอร์ เพราะสามารถสร้างความบันเทิงให้ผู้ชมได้ง่าย และยังเปิดโอกาสให้ผู้เล่นทั่วไปเข้าร่วมสนุกในแบบที่เข้าใจได้ไม่ยาก


5. ต้นทุนพัฒนาและอัปเดตต่ำ

สำหรับผู้พัฒนา การสร้างเกม Battle Royale เป็นสิ่งที่คุ้มค่า เพราะใช้ต้นทุนต่ำในการเปิดตัวและอัปเดต เช่น การเพิ่มแผนที่ใหม่ การปรับปรุงอาวุธ หรือการจัดกิจกรรมในเกม เหมือนที่ Warzone, Apex Legends และ Free Fire ทำให้เห็น

5 เกมแนวเอาตัวรอดแบบ Battle Royale ที่ยังคงดังเป็นพลุแตก คนไทยเล่นเยอะ

1. Apex Legends

  • ทำไมถึงยังเป็นที่นิยม?
    Apex Legends มีจุดเด่นด้วยระบบตัวละคร (Legends) ที่มีความสามารถพิเศษแตกต่างกัน ทำให้เกมนี้ไม่ใช่แค่การยิงปืน แต่ยังต้องอาศัยการวางแผนทีมและการใช้ความสามารถของตัวละครให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • สิ่งที่ยังคงดึงดูดผู้เล่น:
    • เล่นฟรี (Free-to-Play)
    • ระบบ “looter-shooter” ที่ค่อนข้างสมดุลย์
    • กราฟิกและแผนที่ที่เล่นสนุก และการอัปเดตเนื้อหาใหม่ทุกซีซัน
  • สรุป: เกมนี้ยังคงเป็นตัวเลือกแรกสำหรับคนที่ชอบเกมเร็ว และการเล่นแบบทีมที่ต้องการความร่วมในการเอาชนะกัน และยังคงมีการคาดการณ์เกี่ยวกับเกมนี้ว่า น่าจะไปต่อได้อีกไกล

2. Naraka: Bladepoint

  • ทำไมถึงยังเป็นที่นิยม?
    Naraka: Bladepoint มีจุดเด่นอีกแบบ คือการต่อสู้ระยะประชิดที่เน้นทักษะการใช้ดาบและศิลปะการต่อสู้ ที่ไม่ได้ใช้พวกอาวุธปืน
  • สิ่งที่ยังคงดึงดูดผู้เล่น:
    • กราฟิกสวย
    • การเล่นที่อาศัยฝีมือด้วย ที่ไม่ใช่ไอเทมอย่างเดียว
    • การอัปเดตฮีโร่และอาวุธใหม่ๆ
  • สรุป: Naraka ยังคงได้รับความนิยมเพราะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างในโลกของ Battle Royale

3. Crab Game

  • ทำไมถึงยังเป็นที่นิยม?
    Crab Game เป็นเกมที่ออกแบบมาให้สนุกและเล่นง่าย ด้วยมินิเกมหลากหลายที่ได้แรงบันดาลใจจากซีรีส์ Squid Game
  • สิ่งที่ยังคงดึงดูดผู้เล่น:
    • ระบบแชทเสียงที่เพิ่มความสนุก
    • การเล่นแบบเบาสมอง ไม่เครียด ไม่แข่งขันมากเกินไป
    • เหมาะกับการเล่นกับเพื่อน
  • สรุป: เกมนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากเล่นอะไรสนุกๆ กับเพื่อน และไม่เครียดกับการแข่งขัน

4. Call of Duty: Warzone

  • ทำไมถึงยังเป็นที่นิยม?
    Warzone โดดเด่นด้วยความสมจริงของการยิงปืนและระบบเกมที่เข้มข้น
  • สิ่งที่ยังคงดึงดูดผู้เล่น:
    • อาวุธและอุปกรณ์หลากหลาย
    • ระบบการเล่นที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสไตล์ของผู้เล่น
    • การอัปเดตแผนที่และกิจกรรมใหม่ๆ
  • สรุป: เกมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์ Battle Royale ที่สมจริง

5. Free Fire

  • ทำไมถึงยังเป็นที่นิยม?
    Free Fire ยังคงครองใจผู้เล่นในไทยด้วยการเล่นที่ง่ายและรวดเร็ว รวมถึงการแข่งขันระดับโลก และการเติมเกมที่ได้ไอเทมใหม่ ตัวละครจะเทพขึ้น
  • สิ่งที่ยังคงดึงดูดผู้เล่น:
    • รองรับสมาร์ทโฟนสเปกต่ำ
    • ระบบไอเทมและสกินที่หลากหลาย
    • การแข่งขัน Esports ในเอเชียที่ค่อนข้างดัง
  • สรุป: เกมนี้เหมาะสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นใหม่หรือเก่า

เกมแนว Battle Royale ในปี 2025 ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการอัปเดตและฟีเจอร์เกมใหม่ๆ อย่าง Delta Force: Garena อาจเป็นเกมที่จะมาเปลี่ยนแปลงวงการนี้ในอนาคต หากใครเป็นแฟนของเกมแนวนี้ อย่าลืมติดตามและทดลองเล่นเกมใหม่ๆ ที่อาจเปิดตัวนี้ปีนี้