Monday, March 10, 2025
HomeรีวิวElden Ring : Nightreign เผยวันเปิดตัวแน่นอน พร้อมราคาเท่าตัวก่อน

Elden Ring : Nightreign เผยวันเปิดตัวแน่นอน พร้อมราคาเท่าตัวก่อน

การประกาศเปิดตัว Elden Ring: Nightreign ในงาน The Game Awards ผ่าน X.com และได้รับการยืนยันผ่านตัวเว็บ official ที่ Eldenring.jp เอง ซึ่ง ปีที่ผ่านมา ถือเป็นหนึ่งในข่าวที่น่าตื่นเต้นที่สุดในวงการเกม ล่าสุด Bandai Namco และ FromSoftware ได้ยืนยันว่าเกมนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 บนแพลตฟอร์ม PC, PS4, PS5, Xbox One, และ Xbox Series X พร้อมกับมี Network Test ให้ผู้เล่นบางส่วนได้สัมผัสก่อนใครในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเคยเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่ มกราคม 2568 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ Nightreign แตกต่างจาก Elden Ring ภาคแรกอย่างชัดเจนคือแนวทางการเล่นที่ผสมผสานองค์ประกอบของ roguelike, class-based combat, และ battle royale ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากแนว open-world action RPG ดั้งเดิมของซีรีส์ นี่เป็นความเสี่ยงที่ FromSoftware เลือกเดินไปในทิศทางใหม่ และเป็นที่น่าสนใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะถูกใจแฟนเกมหรือไม่

Elden Ring: Nightreign แตกต่างจากภาคแรกอย่างไร?

ในขณะที่ Elden Ring (2022) ยังคงเอกลักษณ์ของเกมแนว Souls-like แต่ขยายขอบเขตให้เป็น โลกเปิดขนาดใหญ่ (open-world) ซึ่งได้รับเสียงวิจารณ์อย่างยอดเยี่ยม แต่ Nightreign กลับนำเสนอแนวคิดใหม่ที่อาจทำให้เกมนี้ให้มีความแตกต่าง โดยเวอร์ชั่นนี้ จากข้อมูลของ pcgamer.com จะมีราคาอยู่ที่ $40 (ราวๆ 1,200 – 1,500 บาท) ซึ่งเป็นราคา เท่ากับตัว Erdtree expansion

1. จาก Open World ไปสู่ Roguelike

แทนที่จะเป็นโลกเปิดขนาดใหญ่ที่ผู้เล่นสามารถสำรวจได้อิสระ Nightreign นำเสนอ “แผนที่ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” (procedurally-generated world) ซึ่งจะมีการสุ่มองค์ประกอบใหม่ทุกครั้งที่เล่น ทำให้การเล่นแต่ละครั้งมีความแตกต่างกัน ผู้เล่นจะต้องปรับตัวและใช้กลยุทธ์ตามสถานการณ์ที่ได้รับ นี่เป็นแนวทางที่คล้ายกับเกม roguelike เช่น Hades หรือ Returnal มากกว่าแนว Soulsborne แบบเดิม

2. ระบบคลาสและการเล่นแบบ Co-op

เกมนี้ไม่ได้ให้ผู้เล่นสร้างตัวละครแบบอิสระเหมือนในภาคแรก แต่จะมี “ระบบคลาส” ซึ่งแบ่งออกเป็นสายอาชีพต่าง ๆ (อาจคล้ายกับเกม Dark Souls ที่มีคลาสตั้งต้น) และสามารถเล่นแบบ Co-op 3 คน ได้ด้วย ซึ่งถือเป็นการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับการเล่นแบบทีม

3. Battle Royale และแผนที่ที่เล็กลง

อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ถูกเพิ่มเข้ามาคือ แผนที่ที่มีการหดตัวลงเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่คล้ายกับเกมแนว Battle Royale เช่น Fortnite หรือ PUBG การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกมมี Gameplay ที่รวดเร็วขึ้นและบังคับให้ผู้เล่นต้องต่อสู้อย่างรวดเร็ว ต่างจาก Elden Ring ภาคแรกที่ผู้เล่นสามารถสำรวจได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาหรือพื้นที่ที่จำกัด

Network Test: โอกาสแรกของแฟนๆ ในการทดลองเล่น

ผู้เล่นที่ได้รับเชิญจะสามารถเข้าร่วม Network Test ได้ในวันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ เพื่อทดลองระบบการเล่นก่อนวันเปิดตัวจริง นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับ FromSoftware ในการเก็บข้อมูลและปรับปรุงเกมก่อนวันวางจำหน่าย

กำหนดการ Network Test

  • Session 1: 14 กุมภาพันธ์ (03:00 – 06:00 PT)
  • Session 2: 14 กุมภาพันธ์ (19:00 – 22:00 PT)
  • Session 3: 15 กุมภาพันธ์ (11:00 – 14:00 PT)
  • Session 4: 16 กุมภาพันธ์ (03:00 – 06:00 PT)
  • Session 5: 16 กุมภาพันธ์ (19:00 – 22:00 PT)

เป็นไปได้ว่าหลังจาก Network Test ครั้งแรก อาจมีการทดสอบแบบเปิดที่ให้ผู้เล่นทั่วไปเข้าร่วมมากขึ้น ก่อนการเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม

สรุป: Nightreign เปลี่ยนมาเยอะแบบนี้ แฟนๆจะว่าไง?

Elden Ring: Nightreign เป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญของ FromSoftware ด้วยแนวทาง roguelike และ class-based gameplay ซึ่งแตกต่างจากเกม Soulsborne เดิมอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะเป็นการสร้างความสดใหม่ให้กับแฟรนไชส์ แต่ก็มีความเสี่ยงที่แฟน ๆ ดั้งเดิมอาจไม่ชื่นชอบแนวทางนี้

สิ่งที่น่าจับตามองคือ FromSoftware จะสามารถรักษาสมดุลระหว่าง “แนวเกมดั้งเดิม” กับ “การเปลี่ยนแปลงใหม่” ได้หรือไม่? หากพวกเขาสามารถทำให้ Nightreign เป็นเกมที่ทั้ง ท้าทาย สนุก และตอบโจทย์แฟนๆ ได้ ก็อาจเป็นไปได้ว่าเกมนี้จะเป็นอีกหนึ่งตำนานที่ช่วยผลักดันวงการเกมไปข้างหน้า อย่างไรก็ตาม หากการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ประสบความสำเร็จ มันอาจกลายเป็นหนึ่งในความผิดพลาดครั้งใหญ่ของค่ายเกมในยุคนี้

แล้วคุณล่ะ คิดว่า Elden Ring: Nightreign จะเป็นอีกหนึ่งตำนาน หรือจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เสี่ยงเกินไป?

RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular

Recent Comments